Long-Tail SEO Keyword คืออะไร ช่วยให้เว็บไซต์แบรนด์ติดอันดับ 1 ได้จริงไหม ?

Long-Tail Keyword คืออะไร ช่วยให้เว็บไซต์แบรนด์ติดอันดับ 1 ได้จริงไหม ?

Long-Tail SEO Keyword คืออะไร ช่วยให้เว็บไซต์แบรนด์ติดอันดับ 1 ได้จริงไหม ?

การหา Keyword ที่เหมาะกับธุรกิจ ในการทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์ โดยเลือกให้แมตช์กับสิ่งที่ลูกค้าของแบรนด์เข้ามาค้นหา เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่แบรนด์ควรทำความเข้าใจ เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากอยากให้หน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ในหน้า SERP การวางแผนเลือก Keyword ที่ใช่ มีส่วนสำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ 

แต่เมื่อการเลือกใช้ Short-Tail Keyword เพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอในการสร้างตัวตนบน SERP ดังนั้นการใช้ Long-Tail Keyword เข้ามาประกอบในการทำ SEO จึงเป็นการสร้างโอกาสในการมองเห็นบน SERP ที่เพิ่มขึ้นได้ แต่หากแบรนด์ยังไม่ทราบว่า Long-Tail Keyword คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ช่วยให้เว็บติดอันดับ 1 ได้จริงไหม ? และมี Tools อะไรน่าที่สนใจบ้าง พร้อมแล้วตามไปอ่านกันได้เลย !

 

1. ทำความเข้าใจ Long-Tail Keyword คืออะไร ?

Long-Tail Keyword เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในวงการ SEO (Search Engine Optimization) เพื่ออธิบายลักษณะของคำค้นหาที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้ในการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine ซึ่งแน่นอนว่าที่เรากำลังจะพูดถึงกัน คือการเสิร์ชผ่าน Google นั่นเอง

แต่ถ้าจะพูดให้ชัดเจนมากขึ้น Long-Tail Keyword คือ คำหรือวลีที่มีความเฉพาะเจาะจง มักประกอบด้วยคำหลายคำ (โดยทั่วไปตั้งแต่ 3 คำขึ้นไป) ซึ่ง Keyword ประเภทนี้ จะเป็นคำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นและมีปริมาณการค้นหาต่ำ

  • ตัวอย่าง Long-Tail Keyword เช่น 
  • “ร้านอาหารอิตาเลียน ย่านสุขุมวิทเปิดดึก”
  • “รองเท้า Nike Air Force สีขาว”

การทำ SEO นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้คนมองเห็นและสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้มากขึ้น ดังนั้น การใช้ Long-Tail Keyword หลาย ๆ คำ จะเป็นการเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะค้นพบเว็บไซต์ได้มากขึ้น

 

Long-Tail Keyword ต่างจาก Short-Tail Keyword อย่างไร ?

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น มาดูกันว่า Keywords ทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกันในแง่ใดบ้าง แบ่งได้หลัก ๆ 3 ข้อ ดังนี้

1. ความเฉพาะเจาะจงและปริมาณการค้นหา : Long-Tail Keyword มีความเฉพาะเจาะจงสูง (More Specific) และมักจะตรงกับความต้องการของผู้ค้นหามากกว่า ส่วน Short-Tail Keyword จะมีความหมายกว้างและครอบคลุม ทำให้ปริมาณการค้นหาสูงกว่าตามไปด้วย

2. การแข่งขันด้านอันดับการค้นหา : สำหรับแบรนด์ที่ทำ SEO มักจะมี Tools ในการดู Keyword Difficulty (KD) หรือเมตริกที่ใช้บอกระดับความยาก-ง่ายของคีย์เวิร์ดที่ต้องอาศัยการทำ SEO เพื่อให้คีย์เวิร์ดนั้นติดอันดับในหน้าผลการค้นหาของ Google แบบ Organic กันอยู่แล้ว จะรู้ได้ทันทีว่า ส่วนใหญ่ Short-Tail Keyword จะเป็นคีย์เวิร์ดที่มี KD สูง ทำให้มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ในขณะที่ Long-Tail Keyword มักจะมี KD ต่ำกว่า มีการแข่งขันน้อยกว่า จึงอาจง่ายต่อการทำอันดับได้มากกว่า

3. อัตราการคลิก (CTR) และการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion Rate) : แม้จะมีปริมาณการค้นหาน้อยกว่า แต่ Long-Tail Keyword มีแนวโน้มที่จะมี Conversion Rate และ CTR สูงกว่า เนื่องจากคีย์เวิร์ดมีความเฉพาะเจาะจงและตรงกับความตั้งใจในการค้นหาของผู้ใช้งานที่ชัดเจน

 

2. ทำไม Long-Tail Keyword ถึงสำคัญต่อแบรนด์ และการทำ SEO ?

Long-Tail Keyword มีความสำคัญกับแบรนด์ รวมถึงการทำ SEO และการตลาดดิจิทัล เพราะการเลือก Long-Tail Keyword ที่ดีจะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงขึ้น เพิ่มโอกาสในการจัดอันดับเว็บไซต์และลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้

Long-Tail Keyword คืออะไร ช่วยให้เว็บไซต์แบรนด์ติดอันดับ 1 ได้จริงไหม ?

1. ง่ายต่อการติดอันดับ

เนื่องจาก Long-Tail Keyword มีการแข่งขันที่น้อยกว่า Short-Tail Keyword ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับในหน้าการค้นหาได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือเว็บไซต์ใหม่ที่ค่าความน่าเชื่อถือของโดเมนยังน้อย (Domain Authority หรือ DA ที่พัฒนาโดย MOZ) การใช้ Long-Tail Keyword จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการสร้างการมองเห็นใน Search Engine

2. ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

Long-Tail Keyword มักสะท้อนถึงความตั้งใจในการค้นหาที่เฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจตรงกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้มีโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion) สูงขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มคุณภาพของ Traffic เพราะผู้เข้าชมเว็บไซต์ผ่าน Long-Tail Keyword มักจะอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อแล้วนั่นเอง

3. มีตัวเลือกมากกว่า Short-Tail Keyword

Long-Tail Keyword มีความหลากหลาย ทำให้แบรนด์มีโอกาสในการสร้างคอนเทนต์หรือบทความที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานได้มากขึ้น

4. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

เมื่อมีการใช้ Long-Tail Keyword สร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และยังแสดงถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์ในหัวข้อนั้น ๆ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ได้อีกด้วย

5. ช่วยในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า

การศึกษา Long-Tail Keyword ช่วยให้เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงสามารถนำไปวางแผนและประเมินหา Keyword มาใช้แข่งขันเพื่อปรับปรุง Search Ranking ได้

 

3. วิธีการเลือก Long-Tail Keyword ให้กับแบรนด์ ควรพิจารณาด้านใดบ้าง ?

ทราบถึงความสำคัญของ Long-Tail Keyword กันไปแล้ว แต่ในทางกลับกัน หากเลือกคีย์เวิร์ดไปใช้งานได้ไม่ถูกต้องอาจจะทำให้แบรนด์เสียโอกาสได้ ก่อนเลือก Long-Tail Keyword แนะนำให้แบรนด์พิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยก่อนลงมือ ดังนี้

1. ความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ : เลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ แต่อย่าละเลยความสนใจและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วย เพื่อให้แบรนด์สามารถทำ SEO สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพได้อย่างครบถ้วน

2. ความตั้งใจในการค้นหา (Search Intent) : อย่าลืมวิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานต้องการอะไรเมื่อค้นหาด้วย Keyword นั้น ๆ เช่น ต้องการข้อมูล ต้องการซื้อสินค้า ซึ่งหลัก ๆ แล้ว Search Intent แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ

  • Navigational Intent : ผู้ค้นหามีความตั้งใจในการค้นหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเฉพาะ เช่น การค้นหา “Login Facebook” หรือ “ประกันรถยนต์ Pantip” ซึ่งชัดเจนว่าผู้ค้นหาต้องการเข้าถึงเว็บไซต์นั้นโดยตรง
  • Informational Intent : ผู้ค้นหาต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง เช่น “การจัดอันดับ SEO คืออะไร” “วิธีทำขนมเค้ก”
  • Commercial Intent : ผู้ค้นหากำลังค้นหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อ โดยอาจพิจารณาเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อทันที เช่น “โทรศัพท์รุ่นไหนดี” หรือ “รีวิวกล้องถ่ายรูป”
  • Transactional Intent : ผู้ค้นหามีความตั้งใจในการดำเนินการบางอย่างให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งโดยทั่วไปจะเกี่ยวของกับการทำธุรกรรม เช่น การซื้อสินค้า บริการ เช่น “ซื้อ iPhone 14 ราคาถูก” หรือ “สมัครสมาชิก Netflix”

3. ปริมาณการค้นหา : ถึงแม้ Long-Tail Keyword จะมีปริมาณการค้นหาน้อยกว่า Short-Tail Keyword แต่หากเลือกใช้ Long-Tail Keyword โดยผสมผสานกันระหว่าง Short-Tail Keyword และ Intent ก็สามารถสร้าง Long-Tail Keyword ที่เหมาะสมได้

4. การแข่งขัน : พิจารณาระดับการแข่งขันของ Keyword นั้น ๆ โดยดูจากจำนวนเว็บไซต์ที่ใช้ Keyword เดียวกัน รวมถึงศักยภาพในการแปลงเป็นลูกค้า

5. ความสอดคล้องกับ Buyer’s Journey : อาจลองเลือก Keyword ที่ตรงกับขั้นตอนต่าง ๆ ในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เช่น Awareness, Consideration

6. แนวโน้มตามฤดูกาลหรือเทรนด์ : พิจารณาว่า Long-Tail Keyword มีความนิยมตามฤดูกาล หรือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงหรือไม่ เนื่องจากคำค้นหาหลายคำอาจมีความนิยมเพิ่มขึ้นในบางช่วงของปี และการใช้ Trending Keywords ให้ตรงกับช่วงเวลาที่ผู้คนให้ความสนใจจะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมได้มาก อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึง Brand Position ปริมาณการค้นหาและความคุ้มค่าในการลงทุนด้วย 

 

รู้จัก Metrics ก่อนเข้าสู่การเลือก Keyword

ก่อนเลือก Keyword เพื่อวาง SEO Strategy และใช้เครื่องมือ (Tools) ในการค้นหาคีย์เวิร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบรนด์ควรทราบ Metrics พื้นฐานเพื่อสร้างความเข้าใจในเบื้องต้นก่อน ตัวอย่างเมตริก เช่น

 

  • Search Volume (ปริมาณการค้นหา) : หมายถึงจำนวนครั้งที่คำหลัก (Keyword) ถูกค้นหาในเครื่องมือค้นหาในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น หนึ่งเดือน ตัวเลขนี้ช่วยให้ทราบว่าคำหลักนั้นได้รับความนิยมแค่ไหน
  • Keyword Difficulty (KD) (ความยากของคำหลัก) : ตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงความยาก-ง่ายในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาแบบ Organic ด้วยคีย์เวิร์ดนั้น ๆ โดย KD ใช้เพื่อประเมินว่าการแข่งขันในคีย์เวิร์ดนั้นสูงหรือต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อความยากง่ายในการเอาชนะคู่แข่ง และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงใน Google
  • Search Result (ผลการค้นหา) : หมายถึงจำนวนผลลัพธ์ทั้งหมดที่ปรากฏเมื่อมีการค้นหาคีย์เวิร์ดในเครื่องมือค้นหา
  • Estimated Visits Per Month (EV) (จำนวนการเยี่ยมชมโดยประมาณต่อเดือน) : เป็นการประเมินจำนวนผู้เข้าชมที่หน้าเว็บไซต์ ซึ่งน่าจะได้รับต่อเดือนหาก Keyword นั้นได้รับการจัดอันดับในตำแหน่งที่ดีในเครื่องมือค้นหา

 

4. เครื่องมือที่ใช้ในการหา Keyword

Long-Tail Keyword คืออะไร ช่วยให้เว็บไซต์แบรนด์ติดอันดับ 1 ได้จริงไหม ?

1. SEMrush

เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการค้นหา Keyword ซึ่งสามารถช่วยในการปรับแต่งกลยุทธ์ SEO โดย SEMrush จะมีฟีเจอร์การค้นหาคำหลัก (Keyword Research) เพื่อลองค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับคำหลักที่แบรนด์สนใจ โดยเครื่องมือจะให้รายชื่อคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหา, KD, CPC และการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมี Keyword Gap Tool ที่สามารถเปรียบเทียบคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์ของแบรนด์ใช้กับคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้ รวมถึงเครื่องมืออื่น ๆ ที่ค่อนข้างครอบคลุมการทำ SEO

2. Keyword Magic Tool

หนึ่งในฟีเจอร์จาก SEMrush ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการค้นหาและวิเคราะห์ Keyword โดย Keyword Magic Tool จะช่วยแนะนำ Long-Tail Keywords ที่เกี่ยวข้องกับคำหลักที่ผู้ใช้งานค้นหา เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกคำที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์เมตริก ซึ่ง Tool นี้จะแสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคีย์เวิร์ด เช่น Search Volume, KD, CPC  อีกทั้ง Keyword Magic Tool ยังรองรับการค้นหาคีย์เวิร์ดสำหรับกลยุทธ์ SEO (ค้นหาแบบ Organic) ทำให้แบรนด์สามารถปรับแต่งคีย์เวิร์ดสำหรับการใช้งานในหลากหลายบริบท

3. Google Keyword Planner

แม้ว่าเครื่องมือนี้จะถูกออกแบบมาใช้กับโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่ Google Keyword Planner ถือเป็น Tool ที่ดีสำหรับการทำ Keyword Reseach ซึ่งนอกเหนือจากฟังก์ชันพื้นฐานแล้ว แบรนด์ยังสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อสำรวจ Keyword ที่เกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ Keyword Strategies ของคู่แข่งได้อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก Google Keyword Planner ให้แบรนด์ลองทดลองใช้คำค้นหาละตัวกรองที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มโอกาสค้นพบ Long-Tail Keyword ใหม่ ๆ มาใช้ในแคมเปญ

 

ทั้งนี้หากแบรนด์อยากให้การทำ SEO เห็นผล และเลือก Keyword ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง Heroleads Asia มีบริการรับทำ SEO ที่มีการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ และมาพร้อม SEO Packages ให้เลือกหลากหลาย ซึ่งแบรนด์สามารถเลือกได้ตรงตามความต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจ Starter, Advance หรือ Enterprise เราให้บริการครบวงจร เช่น การทำ Keyword Research and Selection, การทำ Website Audit, การวาง SEO Strategy ที่เหมาะกับแบรนด์, การเขียนบทความเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ตามหลักการทำ SEO เพื่อให้แคมเปญประสบผลสำเร็จสูงสุด ฯลฯ

 

มาถึงตรงนี้แบรนด์คงทราบถึงความสำคัญของ Long-Tail Keyword ได้เป็นอย่างดี และอาจสรุปได้ว่า คีย์เวิร์ดประเภทนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้า Google ได้ และเมื่อประกอบกับการวาง Strategy ที่รอบคอบ ปรับตัวตาม Google Ranking Factors และมองเกมการตลาดอย่างเฉียบขาด ก็อาจทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับ 1 ได้จริง

หากสนใจรับบริการ SEO หรือ Digital Marketing กับ Heroleads Asia ปรึกษาเราได้ที่ https://heroleads.asia/  หรือโทร. 02-038-5220

Heroleads Asia

Recent posts

SEO-On-Page_Oct-2024-Article-1_Blog

ทำไมหลายบริษัทยังเลือกที่จะทำการตลาดด้วย SEO ?

ทำไมหลายบริษัทย...
TikTok vs. Instagram Reels แพลตฟอร์ม Short Video ไหน ใช่กับธุรกิจ

เปรียบเทียบ TikTok vs. Instagram Reels แพลตฟอร์ม Short Video แบบไหน ใช่สำหรับธุรกิจกว่ากัน !

เปรียบเทียบ Tik...
ทำความรู้จักโฆษณา TikTok แบบเข้าใจง่ายในปี 2024

ตามให้ทันเกม ! ทำความรู้จักโฆษณา TikTok (Tiktok Advertising) แบบเข้าใจง่ายในปี 2024

ตามให้ทันเกม ! ...

ปรึกษาแผนการตลาด
กับผู้เชี่ยวชาญของเรา

กรอกข้อมูลให้เราติดต่อกลับ เพื่อรับคำแนะนำ และ Solution ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณ พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเริ่มต้นแคมเปญ