ส่อง ‘Google SGE’ ฟีเจอร์ใหม่แกะกล่อง-พลิกโฉม SEO ให้ทรงพลัง
บทความน่าอ่าน
ส่อง ‘Google SGE’ ฟีเจอร์ใหม่แกะกล่อง-พลิกโฉม SEO ให้ทรงพลัง
เมื่อเราพูดถึง Search Engine แล้ว ความใฝ่ฝันแรก ๆ ของนักการตลาดดิจิทัลคือการพาแบรนด์ขึ้นไปติดหน้าแรกของผลการค้นหา Keywords ที่เกี่ยวข้องกับเรา แน่นอนว่าเทคนิค Search Engine Optimisation (SEO) หรือกระบวนการจัดระเบียบหรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตั้งแต่โครงสร้างและเนื้อหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาจาก Google นั้น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ความฝันนี้เป็นจริง
หากแต่ข้อจำกัดของ SEO ปัจจุบันมีมากมาย เช่น การใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงเว็บไซต์ค่อนข้างนาน และเพื่อให้ได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ จึงต้องอาศัยทักษะและความสามารถเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งยังได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบของ Google รวมถึงมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง ทั้งอันดับการค้นหาหรือการติดอันดับหน้าแรก การแข่งขันจากเว็บไซต์อื่น
และเพื่อช่วยเหลือนักการตลาดดิจิทัลที่ต้องการส่งเว็บไซต์ของตัวเองไปให้ถึงฝั่งฝัน Google จึงอัปเดตอีกฟีเจอร์ให้ที่มีชื่อว่า Search Generative Experience (SGE) ที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาร่วมเสริมพลัง
อะไรคือ Search Generative Experience (SGE) และมีหลักการทำงานอย่างไร ?
คุณหลิน ดร.นภชโม ชวี General Manager, Media of Heroleads Asia เล่าว่า Search Generative Experience (SGE) เป็นฟีเจอร์ของ Google ที่นำเอา AI เข้ามาช่วยเหลือในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ โดย Google SGE จะวิเคราะห์ข้อมูลนั้น ๆ จากสิ่งที่ผู้ใช้งานถามหรือค้นหาเข้ามาในระบบและประมวลผลข้อมูลจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อนำเสนอออกมาเป็นคำตอบในรูปแบบบทสนทนาที่เข้าใจง่าย หรือนำเสนอออกมาเป็นบทสรุป ขึ้นอยู่กับคำหรือประโยคที่ผู้ใช้งานใช้ค้นหา
สรุปให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือ การค้นหาด้วยการพิมพ์หรือพูดผ่าน SGE เหมือนกับการที่เราพูดคุยกับ Chatbot (ถ้าใครเคยใช้ Chatbot ชื่อดังอย่าง ChatGPT คงพอเห็นภาพได้ไม่ยาก) ซึ่งการทำงานของ SGE จะทำความเข้าใจหัวข้อของคำถามอย่างรวดเร็ว พร้อมลิงก์ไปยังผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้อง แน่นอนว่าการที่เราสามารถ “พูดคุย” กับ AI ได้ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งเปิดเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองอีกต่อไป ซึ่งมีประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลและส่งผลให้ประสบการณ์การค้นหาที่ดียิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หลักการทำงานของ SGE นั้นเหมือนกับคุณกำลังพูดกับเพื่อนที่รู้ใจ โดยเมื่อเราถามอะไรออกไป ระบบ AI ก็จะไปค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดในเวลาอันรวดเร็วให้คุณ จุดที่โดดเด่นคือเพื่อนรู้ใจของเราคนนี้ สามารถเรียนรู้และพัฒนาคำตอบให้ถูกใจเรามากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกว่ายิ่งถามเยอะ ยิ่งตอบได้ดีขึ้น
หลักการทำงานของ SGE อาจมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ประมวลและวิเคราะห์ข้อมูล โดยอ้างอิงจากคำถามหรือประโยคที่ผู้ใช้งานเริ่มต้นบทสนทนาหรือเริ่มการค้นหา
- ค้นหาข้อมูล จากแหล่งน่าเชื่อถือต่าง ๆ ทั้งเว็บไซต์ เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ฯลฯ โดยทั้งหมดเป็นข้อมูลที่อยู่ในฐานระบบของ Google
- นำเสนอข้อมูล ในคำตอบรูปแบบบทสนทนา เหมือนเรากำลังพูดคุยกับเพื่อนคนหนึ่งอยู่จริง ๆ ซึ่งเข้าใจง่ายและกระชับ หรืออาจจะออกมาในรูปแบบบทสรุปก็ได้ ขึ้นอยู่กับคำถามของผู้ใช้งาน
แต่ข้อจำกัดของ Google SGE ในปัจจุบันยังมีอยู่มาก เช่น ไม่สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนหรือคลุมเครือได้ ไม่สามารถตอบคำถามที่เป็นศัพท์เฉพาะกลุ่ม และหลายครั้งข้อมูลก็ไม่ยังถูกต้องทั้งหมด
ฟีเจอร์ SGE ของ Google นี้ ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาที่แม่นยำ ง่าย และเป็นมิตร ด้วยรูปแบบสนทนามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเพิ่มอัตราการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ค้นหาได้มากยิ่งขึ้นด้วย เนื่องจากผลการค้นหาจะถูกพัฒนาตามพฤติกรรมของผู้ใช้ และ (น่าจะ) นำไปสู่การตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิม เพราะสามารถเตรียมคำตอบที่รอบด้านและเพียงพอต่อการตัดสินใจ
และนี่เองที่ทำให้ SGE กลายเป็นอนาคตใหม่ของการทำ Search Engine Optimisation (SEO) เพราะทำให้เกิดความต้องการของคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง เป็นต้นฉบับ และมีรูปแบบที่แตกต่างกัน (เช่น ภาพ เสียง วีดีโอ เป็นต้น) รวมถึงการค้นหาอาจจะไม่ใช่ Keywords ที่เราพิมพ์ทั่วไป แต่อาจกลายเป็น “ภาษาพูด” ที่เราคุ้นเคยแทน
แล้ว Google SGE เกี่ยวกับ SEO อย่างไร ?
ก่อนที่เราจะไปเข้าใจความเกี่ยวข้อง เราคงต้องย้อนรำลึกกันสักนิดนึงว่า แล้ว SEO นี่มันคืออะไรกันแน่ ?
Search Engine Optimization หรือ SEO นั้นเป็นกระบวนการจัดระเบียบหรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตั้งแต่โครงสร้างและเนื้อหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาจาก Google ซึ่งเป็นหนึ่งในความฝันของนักการตลาดทุกคน โดยหลักการทำงานของ SEO มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- คุณภาพของบทความ: โดยคอนเทนต์จะต้องมีประโยชน์และมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ไม่ใช่การ “ล่อเหยื่อ” (Clickbait) หรือนำคอนเทนต์มายำรวมกัน แต่เนื้อหาไม่มีอะไรน่าสนใจ
- โครงสร้างเว็บไซต์: ต้องชัดเจน เข้าใจง่าย ให้คำตอบที่ผู้ใช้ต้องการค้นหาอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงความรวดเร็วในการเข้าถึงเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ด้วย
- เทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ: ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ Keywords การทำ Backlink ที่ช่วยให้เว็บไซต์เราเป็นที่ชื่นชอบของ Google มากยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน SEO ก็มีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น นักการตลาดต้องใช้เวลายาวนานในการปรับปรุงเว็บไซต์จนยากจะเห็นผลสำเร็จภายในข้ามคืน นอกจากนี้ยังต้องใช้ทักษะและความสามารถเฉพาะทางของผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย ทั้งนักเขียน กราฟิกดีไซเนอร์ Optimizer และทั้งหมดนี้แม้เราจะทำมาอย่างดีเลิศแค่ไหน แต่หาก Google เปลี่ยนระบบในการให้คะแนนและจัดอันดับเว็บไซต์ ความพยายามทั้งหมดของเราก็อาจจะสูญเปล่าไปได้ทันทีเช่นกัน
เกริ่นไปนิดหน่อยแล้วว่าการเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นของผู้รับสารนั้นส่งผลลัพธ์ต่อเครื่องมือค้นหาอย่างมหาศาล โดยคาดว่า SEO อาจได้รับผลกระทบ ดังนี้
- ด้านคุณภาพของเนื้อหา: SGE ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหามาก ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องใส่ใจมากขึ้นไปด้วย เช่น การทำ Keyword Research การคัดสรรเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านลงเว็บไซต์ รวมถึงการพัฒนาเว็บให้เหมาะสมกับผู้ใช้มากขึ้น เพราะยิ่งเว็บไซต์มีคุณภาพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่ระบบ SGE จะดึงข้อมูลจากเว็บไซต์เราไปตอบคำถามผู้ใช้ได้มากเท่านั้น และทำให้คนคลิกเข้าเว็บไซต์เรามากขึ้นตามไปด้วย
- ด้านโครงสร้างเว็บไซต์: หากเว็บไซต์ของเราใช้งานง่ายและสะดวกในการค้นหาข้อมูลของ SGE ก็จะทำให้ระบบดึงข้อมูลไปตอบคำถามได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหน้าเว็บไซต์เราจึงไม่ควรซับซ้อนและควรให้ความสำคัญกับ UX/UI มากขึ้น
- ด้านปัญหาเชิงเทคนิค: คาดการณ์ว่า SGE อาจจะทำให้ความสำคัญของ Keywords นั้นลดลง เนื่องจากระบบสามารถเข้าใจบริบทของคำถามได้โดยไม่ต้องอาศัย Keywords มากนัก นอกจากนี้การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่น ก็อาจจะมีความสำคัญน้อยลงเช่น เพราะฟีเจอร์นี้จะสามารถคัดกรองเว็บไซต์คุณภาพได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอิงจากการทำ Backlink เหมือนที่ผ่านมา
ส่วนปรากฏการณ์ที่ SGE ทำให้เกิดขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งปล่อยฟีเจอร์นี้ไปแล้วคือการทำให้ผลการค้นหากว่า 64% มาจาก SGE และมีพื้นที่ Ads Placement ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ผ่านระบบการค้นหาของ SGE ซึ่งยืนยันได้ว่าบทบาทของโฆษณาจะยังคงทรงอิทธิพลต่อไปด้วยการสนับสนุนจากผู้รับสารยุคใหม่ที่เป็น Digital Native มากยิ่งขึ้น
Heroleads Asia ยังแนะนำให้คุณลงทุนใน SGE และ SEO อยู่ไหม
คำตอบคือ แน่นอน! ตราบใดที่ Google ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงอิทธิพล เครื่องมือ SGE และ SEO ก็ยังจำเป็นอยู่ แต่สิ่งที่นักการตลาดควรตระหนักคือยุคสมัยแห่ง ‘Content is a King’ กำลังมาถึงอย่างแท้จริง
กล่าวคือคุณภาพของคอนเทนต์จะเป็นตัวกำหนดชะตาของการทำ SEO และ SEM อย่างสูง การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าจะสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งการ Personalisation, Visual Searches และ Precision จะกลายเป็นเทคนิคที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำ SEO ยุคใหม่
แล้ว Heroleads Asia จะพาคุณบินไปสูงกว่านี้ได้อย่างไร ?
คำตอบอยู่ที่เทคนิคการ Optimization ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ละเมียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ด้าน On-Page Optimization การเพิ่ม Keywords ลงใน Meta Description การชาร์จพลังให้ Page Speed เร็วถึงใจ หรือจะเป็นทางด้าน Technical SEO optimization ด้วยการเพิ่ม Backlinks ที่มาจากเว็บไซต์คุณภาพสูงเท่านั้น พร้อมนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
สนใจสร้างการเติบโตให้แบรนด์ด้วย SGE และ SEO แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ? ปล่อยให้สิ่งนั้นเป็นหน้าที่เรา เพราะ Heroleads Asia เป็น Independent Digital Media ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ที่ช่วยลูกค้าทำ Growth Marketing ผ่านเครื่องมือ Paid, Organic, Owned Media, Influencer, Creatives, Analytics และ Mar-Tech Solutions มายาวนานกว่า 9 ปี
เตรียมข้อมูลธุรกิจของคุณให้พร้อม แล้วมาปรึกษาการทำโฆษณากับเราได้เลย ติดต่อรับข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://heroleads.asia/ โทร. 02-038-5220