เช็ก 6 เทรนด์ที่ควรรู้สำหรับการทำ SEO ในปี 2024
บทความน่าอ่าน
เช็ก 6 เทรนด์ที่ควรรู้สำหรับการทำ SEO ในปี 2024
ในยุคที่การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกวันนี้ Google มีการปรับปรุงอัลกอริทึมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลการค้นหามีคุณภาพและตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากที่สุด การทำให้ SEO ติดหน้าแรก จึงเป็นเรื่องที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญมากกว่าเดิม
วันนี้มาอัปเดตเทรนด์ที่ควรรู้สำหรับการทำ SEO ในปี 2024 เพื่อให้คุณพร้อมรับมือและปรับกลยุทธ์การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน
1. AI เข้ามามีบทบาทหลายด้าน
แน่นอนว่า AI เข้ามามีบทบาทกับการทำ SEO ในแง่ของการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Google SEO โดยเฉพาะ 3 เรื่องสำคัญ นั่นคือ
- สร้าง Personalized User Experience มากขึ้น
AI จะเข้ามาวิเคราะห์และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน รวมทั้งความสนใจแบบเฉพาะตัวของผู้ใช้งานแต่ละคนเพื่อนำเสนอเนื้อหาและประสบการณ์ที่ตรงกับความสนใจมากขึ้น เช่น แนะนำบทความหรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความชอบของผู้ใช้รายนั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสคอนเวิร์ทกลับมาเป็นยอดขายได้
- ทำความเข้าใจกับ Search Intent ที่ลึกกว่าเดิม
จุดนี้ AI จะเข้ามาช่วยให้เข้าใจความตั้งใจและบริบทในการค้นหา ว่าแท้จริงแล้วผู้ใช้งานต้องการคำตอบในเรื่องอะไรกันแน่ หรือต้องการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับสิ่งที่ค้นหาเพื่อให้ผลการค้นหาตรงกับความต้องการมากที่สุด
- ฟีเจอร์ Search Generative Experience (SGE)
ฟีเจอร์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นไม่นานมานี้ โดยนำ AI เข้ามามีส่วนร่วมในการค้นหาข้อมูล ซึ่งหน้าที่สำคัญของ SGE ก็คือการวิเคราะห์ ประมวลผลคำค้นหา และนำเสนอคำตอบในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กระชับ หรือนำเสนอข้อมูลในรูปแบบบทสรุป ยิ่งเนื้อหาในเว็บไซต์มีคุณภาพมากและมีประโยชน์แก่ผู้ใช้งาน SGE ยิ่งชอบ และยิ่งมีโอกาสที่ระบบจะดึงข้อมูลจากเว็บไซต์เราไปแสดงผลบน Search Engine มากขึ้น
2. User Experience ยังเป็นเรื่องที่แบรนด์ต้องใส่ใจ
อีกปัจจัยที่ช่วยให้ SEO ติดหน้าแรกหรือติดอันดับที่ดี โดยในปี 2024 Google ก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่เช่นเดิม ซึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ UX ที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ในปีนี้ มีดังนี้
- กระบวนการ Answer Engine Optimization (AEO)
กำลังเป็นที่น่าจับตาเลยทีเดียว สำหรับ AEO หรือ กระบวนการวิเคราะห์ ประมวลผลคำถาม จัดทำเนื้อหา ตลอดจนจัดโครงสร้างเนื้อหาบทความในเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการถูกดึงออกมาเป็นคำตอบเพื่อนำไปแสดงผลในหน้า Search โดย AEO จะเน้นไปที่การตอบคำถามผู้ใช้งานได้อย่างตรงประเด็น ครบถ้วน กระชับ และเข้าใจง่าย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏบนหน้าผลการค้นหา โดยไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าเว็บไซต์
- Zero-Click Searches Results
Zero-Click Searches คือผลของการค้นหาที่ตอบคำถามผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ เนื่องจากได้รับคำตอบที่ครบตามต้องการบนหน้า Search แล้ว
- กลับมาโฟกัสที่ Content Repurposing
คือการนำคอนเทนต์หรือบทความที่มีอยู่แล้ว เช่น SEO, Videos มาปรับรูปแบบใหม่ให้เฟรช น่าสนใจมากขึ้น ทั้งปรับเนื้อหา เปลี่ยนภาพประกอบ หรือปรับดีไซน์ภาพ แล้วโพสต์ใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะ SEO ที่เป็น Evergreen Content ที่หากนำมาปรับเนื้อหาใหม่อีกรอบ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนหน้าแรกได้ เนื่องจากยังใช้ Keyword เดิมที่เคยใช้อยู่แล้ว
3. Topical Authority มีผลต่อ Ranking
หนึ่งในเทรนด์ที่ช่วยดันให้ SEO ติดหน้าแรก เพราะสำหรับการทำ Topical Authority คือการที่เว็บไซต์ของคุณถูกมองว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับสำหรับหัวข้อหรือประเด็นนั้นโดยเฉพาะ เมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลที่ตรงกับหัวข้อของเราเข้ามา
ซึ่งถ้าอัลกอริทึมของ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในเกณฑ์ Authority ก็จะส่งผลให้คอนเทนต์นั้น ติดอันดับการค้นหาสำคัญ ๆ ในหัวข้อดังกล่าวง่ายขึ้น และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือจากฝั่งผู้ใช้งานเพิ่มอีกด้วย โดยองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อ Topical Authority มีดังนี้
3.1 การสร้างสรรค์เนื้อหาบทความที่มีคุณภาพสูง ครอบคลุมรายละเอียดของหัวข้อนั้น ๆ อย่างครบถ้วน หรือเป็นบทความที่มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ครบทุกด้านในการประเมินความเป็นผู้นำของเว็บไซต์ในสายตาของ Google อย่าง “E-E-A-T” คือ
• E – Expertise (ความเชี่ยวชาญ)
• E – Experience (ประสบการณ์)
• A – Authoritativeness (ความเป็นผู้นำหรือมีอำนาจ)
• T – Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)
3.2 ข้อมูลในบทความมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่ชัดเจน เชื่อถือได้
3.3 มีการทำ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและเกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นโดยตรง
4. การทำ SEO กับ YouTube SEO
แน่นอนว่าทุกวันนี้ Videos เป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่หลายคนชื่นชอบ เพราะฉะนั้น ในปี 2024 การปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอบนเว็บไซต์และใน YouTube ให้ดีขึ้น เพื่อให้แสดงผลบนหน้า Search และคลิกเข้าเว็บไซต์ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ซึ่งถ้าถามว่า แล้วการทำ YouTube SEO เกี่ยวข้องหรือต่างกับการทำ SEO อย่างไร? ก็ต้องบอกว่า การทำ YouTube SEO สอดคล้องกับการทำ SEO ตรงที่เป็นการปรับปรุงคุณภาพของคอนเทนต์เพื่อให้ติดอันดับบนหน้าค้นหาเหมือนกัน แต่ YouTube จะทำเพื่อให้วิดีโอติดอันดับที่ดีบน YouTube Search เพราะฉะนั้นหากแบรนด์ผสมผสานกลยุทธ์ทั้งสองเข้าด้วยกันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงบน Search Engine ได้มากขึ้น โดยวิธีการจะประกอบไปด้วยการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1. ชื่อของวิดีโอและคำอธิบายสั้น ๆ ควรใช้คำหรือใส่ Keyword ที่เหมาะสมลงไป
2. คำอธิบายวิดีโอ ให้เขียนข้อความที่ฮุก แต่ยังเข้าใจง่าย และใส่ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
3. ใส่คำบรรยายภาพภายในวิดีโอ (Closed Caption) เพื่อให้ง่ายต่อการรับชม
4. ติด Tag ในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ
5. สร้าง Video Thumbnail หรือปกวิดีโอที่มีความน่าสนใจ
6. อัปโหลดวิดีโอที่มีคุณภาพสูง พร้อมเนื้อหามีประโยชน์ เชื่อถือได้
Heroleads Asia Tips: สิ่งที่ควรระวังเพิ่มเติมหากปรับปรุงคุณภาพของ YouTube คือ หากอัปโหลดวิดีโอขึ้นไปแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ แนะนำให้แพลนวิธีการปรับแก้วิดีโอไว้ให้ดีตั้งแต่ต้น
5. Voice Search ผู้คนมักค้นข้อมูลด้วยเสียง
ต่อกันด้วย Voice Search หรือการใช้คำสั่งเสียงในการค้นหาข้อมูลบนสมาร์ตโฟน ที่เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่าน ๆ มา ดังนั้นเพื่อให้ตอบโจทย์กับวิธีการใช้งานของ User แบรนด์จะต้องทำบทความ SEO ที่มี Keyword หรือข้อความที่ตรงหรือใกล้เคียงกับคำสั่งเสียงที่ป้อนเข้ามา ประกอบกับสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์อยู่เสมอ เว็บไซต์จะได้ถูกดันติดการค้นหาและอยู่บนอันดับที่ดีขึ้น
6. Visual Search มาแรงไม่แพ้กัน
ปิดท้ายด้วยเทรนด์ที่สูสีกับข้อด้านบน เพราะในปี 2024 การค้นหาข้อมูลด้วยรูปภาพบน Google Search ก็เริ่มเป็นส่วนหนึ่งของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะการค้นหาสถานที่และโปรดักส์ที่ต้องการซื้อ แบรนด์จึงไม่ควรมองข้ามการเลือกภาพที่ใช้ประกอบบทความเช่นเดียวกัน
โดยหลักทั่วไปในการเพิ่มคุณภาพรูปภาพของบทความ ก็จะมีทั้งการตั้งชื่อไฟล์ให้มี Keyword ที่ผู้คนมักค้นหา การใช้ภาพแบบ Responsive เพื่อให้ตอบโจทย์กับยุค Mobile-Friendly รวมทั้งการใส่ Alt text และการเลือกขนาดภาพที่ไม่ใหญ่เกินไป จนทำให้เว็บไซต์ต้องโหลดนานนั่นเอง
ครบแล้วทั้ง 6 ข้อสำหรับเทรนด์ SEO (Serach Engine Optimization) ในปี 2024 หากอ่านมาถึงตรงนี้ คุณจะเห็นได้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google SEO ก็คือการสร้างสรรค์เนื้อหาของบทความที่มีคุณภาพสูง เข้าใจง่าย ให้ข้อมูลครบถ้วน แต่ขณะเดียวกันข้อมูลก็ต้องกระชับ ตรงประเด็น เพื่อให้ตอบโจทย์กับการเข้ามาของ AI ที่สำคัญต้องไม่ลืมสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหา ทั้งในรูปแบบข้อความ วิดีโอ และเสียง ควบคู่กันไปด้วย
หากเจ้าของธุรกิจหรือแบรนด์สนใจทำการตลาดดิจิทัลด้วย SEO Heroleads Asia ยินดีเป็นที่ปรึกษาและเป็นพาร์ตเนอร์ให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด ติดต่อเราได้ที่ https://heroleads.asia/ หรือโทร. 02-038-5220 เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาในทุกขั้นตอน ครอบคลุมการทำการตลาดด้วย SEO ไปจนถึง Growth Marketing แบบครบวงจร
อ้างอิง : semrush, backlinko
https://www.semrush.com/blog/future-of-seo
https://backlinko.com/seo-this-year