อัปเดต ! 5 เทรนด์วิดีโอโฆษณามาแรง พร้อมช่องทางทำเงิน
บทความน่าอ่าน
เทรนด์การรับชมวิดีโอเติบโตขึ้นอย่างมากตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใครที่ยังไม่เคยลองทำวิดีโอโฆษณา (Video advertising) เวลานี้นี่แหละเหมาะจะเริ่มต้นมากที่สุด เพราะอะไร และทำแบบไหนที่ว่าดี บทความนี้จะอธิบายให้ฟังค่ะ
ทำไม “วิดีโอโฆษณา” ถึงมาแรง?
จริง ๆ แล้วเทรนด์การทำ video advertising เป็นกระแสที่มาแรงมาก ๆ ตั้งแต่ต้นปี แต่โควิด-19 ที่จำกัดให้คนใช้ชีวิตอยู่แค่ที่บ้าน ทำให้ปริมาณการเสพวิดีโอคอนเทนต์ยิ่งสูงขึ้นไปอีก
ปรากฏการณ์นี้สำคัญกับนักการตลาดอย่างไร?
ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน หลาย ๆ แบรนด์เลือกลดงบทำการตลาดลง แต่ data จากแคมเปญโฆษณาบน YouTube ที่ Heroleads ดูแลให้ลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า โฆษณาประเภทนี้มี CPV (Cost per view) หรือจำนวนเงินที่จ่ายต่อการเห็นโฆษณาหนึ่งครั้ง ถูกลงกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นส่งผลให้ CPL (Cost per lead) หรือเงินที่เราลงทุนไปเพื่อให้ได้รายชื่อคนที่มีแนวโน้มจะมาเป็นลูกค้ากลับมา ถูกลงกว่าเดิมด้วย
พูดง่าย ๆ คือ ตอนนี้มีคนดูวิดีโอออนไลน์เยอะขึ้น แต่คนทำโฆษณาน้อยลง ทำให้การแข่งขันน้อยลง เราจึงมีโอกาสที่จะจ่ายเงินเท่าเดิม หรือน้อยกว่าเดิม แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
ฟังดูน่าสนใจใช่มั้ยคะ
วิดีโอแบบไหนกำลังมาแรงในตอนนี้?
ตอนนี้แบรนด์ต่าง ๆ พยายามทำคอนเทนต์ให้โดนใจมากกว่าข้อเขียนธรรมดาทั่วไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ร่วมสำหรับผู้คนในวงกว้าง จนเกิด “สงครามวิดีโอคอนเทนต์” ที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ พยายามสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเองขึ้นมา
1. วิดีโอโฆษณาบน YouTube
จำนวนผู้เข้าชมวิดีโอบน YouTube พุ่งขึ้นสูงสุดตั้งแต่เกิดแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา และยังส่งผลต่อวิดีโอโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้ที่มี traffic เพิ่มขึ้นถึง 21% ในช่วงที่ผ่านมา โดยคอนเทนต์ 5 ประเภทที่ผู้ชมในไทยให้ความสนใจมากที่สุดl ได้แก่
- เรียนออนไลน์
- ทำเมนูง่ายๆ จากของในครัว
- หางานอดิเรกใหม่ๆ
- ออกกำลังกายที่บ้าน
- เข้าร่วมกิจกรรมนอกบ้านในรูปแบบใหม่ เช่น ดูมวยไทย หรือท่องเที่ยวผ่านวิดีโอ
ถ้าเราทำโฆษณาบน YouTube เราสามารถเลือกให้วิดีโอโฆษณาของเราอยู่บนคลิปยอดนิยมเหล่านี้ได้ โดยเลือกฟังก์ชั่นกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบ placement เพียงเท่านี้เราก็สามารถอาศัยฐานผู้ชมจำนวนมาก ผลักดันให้โฆษณาของเราเข้าถึงผู้คนนับล้านบนโลกออนไลน์ได้แล้วค่ะ
และตอนนี้ YouTube เองก็กำลังซุ่มพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่จะให้เราอัพโหลดวิดิโอสั้นๆ จากมือถือ และใช้เพลงที่อยู่ในคลังลิขสิทธิ์ของ YouTube Music ได้ (ลักษณะการทำงานคล้าย TikTok)
ก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วฟีเจอร์นี้จะออกมาเป็นแบบไหน และแบรนด์จะเข้าไปทำโฆษณาอย่างไรได้บ้าง
(สนใจทำโฆษณาบน YouTube และอยากให้เราช่วยวางกลยุทธ์ให้ > คลิกที่นี่ )
2. วิดีโอโฆษณาบน LINE TV
LINE TV มียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นกว่า 45%
การที่ LINE TV สามารถครองยอดคนดูเติบโตได้ต่อเนื่อง ก็มาจากความหลากหลายของคอนเทนต์
เริ่มจากการเป็นทีวีรีรันยอดฮิตเมื่อ 6 ปีก่อน และต่อมาได้พัฒนากลายเป็น Everyday Enjoyment Hub ที่มีเนื้อหาหลากหลายทั้งละคร ซีรีส์ ซิทคอม ภาพยนตร์ รายการวาไรตี้ รวมมากกว่า 1,000 รายการ
นอกจากคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์คนดูแล้ว LINE TV ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูได้เกือบทุกอุปกรณ์ ทำให้มีฐานคนดูกว่า 40 ล้านคน
ธุรกิจที่ต้องการโปรโมตสินค้าและบริการของตัวเองบนช่องทางนี้ บริการวิดีโอโฆษณาบน LINE TV มีทั้ง
- โฆษณาแบบกดข้ามได้ (Skippable)
วิดีโอความยาวไม่เกิน 60 วินาที กำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบ random หรือเลือกแบบระบุรายการก็ได้ คิดค่าโฆษณาทุก ๆ 1,000 ครั้ง /CPM
- โฆษณาแบบกดข้ามไม่ได้ (Non Skippable)
วิดีโอความยาวโฆษณาไม่เกิน 30 วินาที กำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบ random หรือเลือกแบบระบุรายการก็ได้ คิดค่าโฆษณาทุก ๆ 1,000 ครั้ง /CPM
(ซื้อโฆษณาบน LINE TV ได้ง่าย ๆ กับ Heroleads สนใจ > คลิกที่นี่)
3. วิดีโอโฆษณาบน Facebook
คนไทยใช้เวลาบน Facebook เพิ่มขึ้นถึง 53% ทำให้การลงโฆษณาบน Facebook เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ
ก่อนหน้านี้ Facebook มี In-Stream Video Ads คือวิดีโอโฆษณาที่ขึ้นมาก่อนหรือแทรกคั่นในวิดีโอของ publisher หรือ creators บน Facebook ความยาวตั้งแต่ 5-30 วินาที ลองนึกภาพเวลาเราดูวิดีโอรีวิวของบล็อกเกอร์ที่เราชื่นชอบอยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ มีโฆษณาขึ้นมา นั่นล่ะค่ะคือ In-stream Video Ad
ข้อดีของวิดีโอโฆษณาชนิดนี้ คือการสร้างการรับรู้ เพราะระบบจะบังคับให้กลุ่มเป้าหมายของเราต้องดูโฆษณาจนจบจึงจะดูวิดีโอหลักต่อได้
อีกหนึ่งฟังก์ชันบน Facebook ที่แบรนด์นำมาใช้กันมากในช่วงนี้ คือ Live Streaming ซึ่ง Facebook เองก็ได้อัปเดตฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาทิ
– Live with เชิญเพื่อน หรือพาร์ทเนอร์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกเข้ามาร่วมใน live broadcast ของเราได้ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการทำคอนเทนต์ในรูปแบบของการพูดคุย สัมภาษณ์ หรือการแสดงต่างๆ
– Online event เป็นฟีเจอร์ที่จัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์และผู้ประกอบการให้สามารถสร้างรายได้จากการทำสร้างอีเว้นท์ออนไลน์ได้ โดยผู้ชมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าร่วม เหมาะกับกิจกรรมการแสดงทุกประเภท ตั้งแต่การแสดงดนตรีไปจนถึงงานสัมมนา
– Donation button องค์กร/เพจที่ไม่แสวงหาผลกำไร สามารถรับเงินบริจาคได้ โดยติดตั้งปุ่มนี้ในขณะที่ Live Broadcast
– Star ผู้ชมสามารถซื้อดาวและส่งให้กับเหล่าครีเอเตอร์ในขณะที่ Live Broadcast ได้ โดยทุก ๆ ดาว 1 ดวงที่ได้รับ Facebook จะจ่ายเงิน 0.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับครีเอเตอร์
(ไม่ว่าจะโฆษณารูปแบบไหนๆ บน Facebook เราก็จัดการให้คุณได้ สนใจ > คลิกที่นี่)
4. วิดีโอโฆษณาบน Instagram
ปัจจุบัน Instagram มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านบัญชี!
สินค้ายอดฮิตที่ผู้ใช้เสิร์ชหากันมากที่สุด ได้แก่ ของใช้ส่วนตัว แฟชั่น และกลุ่มบิวตี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นร้านค้าออนไลน์ในกลุ่มนี้ หันมาใช้ IG โปรโมทสินค้ากันมาก โดยเฉพาะบน IG Stories ที่ปัจจุบันมีโพสต์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นวันละกว่า 500 ล้านครั้งทั่วโลก ตามมาด้วยการโพสต์วิดีโอบนหน้าฟีด ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 60%
ธุรกิจที่ต้องการโปรโมตสินค้าและบริการด้วยวิดีโอโฆษณาบน Instragram สามารถทำได้ทั้ง 2 ช่องทาง
- Instagram Video Ads
วิดีโอโฆษณาบนหน้าฟีด ความยาวไม่เกิน 2 นาที ใส่แคปชั่นได้ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร ทำได้ทั้งแนวนอน แนวตั้ง และแบบ 1:1
- Instagram Stories Ads
วิดีโอโฆษณาบน IG Stories ความยาวไม่เกิน 15 วินาที แนะนำให้ทำในแนวตั้งเพื่อง่ายต่อการรับชม แตกต่างจาก Stories ของบุคคลทั่วไปคือมันจะไม่หายไปใน 24 ชม.
(ออกแบบวิดีโอโฆษณาบน Instagram ให้เตะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น > คลิกที่นี่
5. วิดีโอโฆษณาบน TikTok
TikTok เป็นโซเชียลมีเดียน้องใหม่ที่มาแรงมาก ๆ ในตอนนี้ ด้วยจุดเด่นที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนท์สนุก ๆ ด้วยตัวเองได้ง่าย มีเพลงลิขสิทธิ์ถูกต้องให้ใช้งาน และมี Influencer คอยสร้างแรงกระเพื่อมอีกทอด ทำให้วิดีโอคลิปต่าง ๆ กลายเป็น “ไวรัล” กระจายไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ อีก
ที่ผ่านมา นักการตลาดอาจจะยังไม่นำแบรนด์เข้าไปทำแคมเปญการตลาดบนช่องทางนี้มากนัก ด้วยภาพจำว่า เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับเจนเนอเรชั่นซี(Z) อายุ 13-17 ปี เท่านั้น แต่การอยู่บ้านนาน ๆ ของผู้บริโภค ทำให้มีอาการเบื่อ จึงหากิจกรรมสนุก ๆ ทำ รวมไปถึงเหล่าดาราคนดังด้วย นั่นทำให้ pain point ของ TikTok ถูกล้างภาพจำไปไม่มากก็น้อย
ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเยอะ แต่การแข่งขันของแบรนด์ยังน้อย ธุรกิจที่สนใจสามารถเลือกลงโฆษณาได้ในรูปแบบต่อไปนี้
- Brand takeover
คนที่เข้าแอปฯ TikTok มาจะเห็นโฆษณาของคุณเป็นอย่างแรก แสดงผลในระยะเวลา 3 วินาที ใช้ได้ทั้งภาพนิ่ง, GIF และ วิดีโอ
- Top view
วิดีโอโฆษณาบนหน้า Feed ผู้ใช้งานสามารถ Like, Share, Comment ได้เหมือนโพสต์ทั่ว ไป ที่สำคัญยังสามารถลิงก์ไปดู Official account, Landing page หรือ Website ของแบรนด์ได้ด้วย
- In-feed Ads
วิดีโอโฆษณานี้จะขึ้นคั่นระหว่างที่ผู้ใช้งานกำลังรับชมวิดีโออยู่ มี Call to Action ต่างๆ สามารถคลิกเพื่อไปยังหน้า Landing Page ได้
- Hashtag Challenge
ลักษณะเป็น Challenge Campaign ที่ส่งต่อ ๆ กัน ส่วนใหญ่แบรนด์จะใช้ Influencer หลาย ๆ คนมาทำวิดีโอ Challenge แล้วติด Hashtag ของแบรนด์ เพื่อให้เกิดกระแสไวรัล
- Brand Effect
เป็นการสร้าง effect เฉพาะสำหรับแบรนด์ เพื่อโปรโมตแคมเปญต่าง ๆ แบรนด์ไหนสามารถสร้าง effect ได้น่าสนใจ ก็จะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการโปรโมตแบรนด์ที่ดีอีกทางหนึ่ง
(ทำโฆษณาบน TikTok กับ Heroleads ซึ่งเป็น Official Partner อย่างเป็นทางการ > คลิกที่นี่)
อยากเริ่มต้นโฆษณา แต่ยังไม่มีวิดีโอ?
หากคุณสนใจลงโฆษณาบนช่องทางเหล่านี้ แต่ยังไม่มีวิดีโอในการทำโฆษณา บริการ HeroPlay จาก Heroleads สามารถสร้างวิดีโอขนาดสั้นให้คุณได้ในเวลาอันรวดเร็ว และงบประมาณที่เหมาะสม สนใจ คลิกที่นี่ เพื่อรับข้อเสนอพิเศษและคำแนะนำเบื้องต้นจากเรา